ธนาคารแยกอาชีพเราเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ
📌พนักงานเงินเดือนประจำ มีสลิปเงินเดือน
กลุ่มนี้ธนาคารปล่อยกู้ง่ายเอกสารไม่ยุ่งยาก‼️
🌟สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
🌟สเตทเม้นที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง6 เดือน
🌟หนังสือรับรองเงินเดือน(มีอายุ1เดือน)
🌟ถ้ามีสวัสดิการอย่าลืมขอหนังสือรับรอง
การผ่านสิทธิมาด้วย จะได้สิทธิ์พิเศษทั้งดอกเบี้ยและยอดกู้
หมายเหตุ (ถ้ามี) ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล/ทะเบียนสมรส (สำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส)
.
💡สิ่งที่ต้องระวังคือ
ต้องมีประกันสังคมถ้าไม่มีส่วนใหญ่ธนาคารไม่ปล่อยกู้
ดังนั้นเช็คกับนายจ้างด้วยนะคะว่าได้ทำให้รึเปล่า
มาตรา 33 นะคะ ประกันตัวเองไม่ได้ ❓
ถ้านายจ้างไม่ทำให้ เสียสิทธิ์การกู้ไปเลยนะคะ
ยกเว้น ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ
.
กับอีกข้อถึงแม้รายได้เราจะไม่ถึงเกณฑ์ต้องจ่ายภาษี
แต่ให้เรายื่นแบบจ่ายไป=0
เพราะบางธนาคารขอ ภ.ง.ด. 91 (เอกสารการเสียภาษี)
ด้วยค่ะ
📌อาชีพอิสระ รับงานเอง เป็นเจ้านายตัวเอง
กลุ่มนี้รายได้ไม่แน่นอน
ดังนั้นธนาคารจะค่อนข้างคุมเข้มเรื่องเอกสารรายได้‼️
🌟เสตทเม้นย้อนหลัง1ปี(เดินน้อยกู้ยากบอกเลย)
🌟เวลารับงานอย่าลืมขอ ทวิ 50 (หักภาษี ณ ที่จ่าย)
🌟สิ้นปีมาอย่าลืมไปเสียภาษีรายได้ (ภ.ง.ด. 90)
🌟เอกสารสัญญาจ้างงาน เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ
ทำได้แบบนี้จากกู้ยากจะเป็นง่ายเลยทันที🎉🎉🎉
📌เจ้าของกิจการส่วนตัว
(แบบจดทะเบียนการค้าบุคคลธรรมดา)
ธนาคารคิดกำไรธุรกิจ 10-30% ของยอดรายได้ทั้งหมด
ที่เดินเสตทเม้นหรือเสียภาษี
ดังนั้นหัวใจสำคัญคือ ต้องเดินสเตทเม้นสวยๆ
🌟ทะเบียนการค้าจดมาขั้นต่ำ 2 ปี
🌟เสตทเม้นย้อนหลัง 1 ปี
(อยากมีรายได้ให้ธนาคารคิดหลักหมื่น
ต้องเดินหลักแสนต่อเดือน)
🌟บิลซื้อ-บิลขาย
🌟บัญชีรับ-จ่ายกิจการย้อนหลัง 1 ปี
🌟และที่ขาดไม่ได้ เอกสารการเสียภาษี ภ.ง.ด.90
เพียงเท่านี้เจ้าของกิจการก็กู้ได้แล้ว
ไม่ได้ยากเกินไปเลยเห็นมั้ยหละ😊
📌เจ้าของกิจการแบบนิติบุคคล
ขึ้นว่านิติบุคคลดูน่าเชื่อถือสำหรับธนาคาร
แต่เอกสารและการตรวจสอบไม่น้อยเลยทีเดียว
มาไล่ดูทีละอย่าง
🌟เอกสารรับรองการจดทะเบียนบริษัท
🌟เสตทเม้นบริษัทย้อนหลัง1ปี
🌟กรณีกิจการมี vat ธนาคารจะคิดรายได้จาก ภ.พ.30
กรณีไม่มี vat จะคิดรายได้จาก งบการเงินใน DBD
หรือเอกสารการเสียภาษี ภ.ง.ด.50
ข้อเสียของรูปแบบนิติบุคคลคือรายได้คิดให้
ตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น
(ถ้ามีรายได้เดือนละ3แสน แต่คุณถือหุ้น10%
ก็จะมีรายได้แค่30,000เท่านั้น😄)
ขั้นตอนที่2 ส่งเอกสารที่เตรียมได้จากข้อ1
และเพิ่มเติมคือ
🌟เอกสารสัญญาซื้อขาย
🌟สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนคนขาย
🌟สำเนาโฉนดและสำเนาทะเบียนบ้านหลังที่ขาย
🌟บางธนาคารขอสัญญาขายที่ที่ดิน (ทด13)
.
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญคือ
ถ้าเราไม่ได้วิเคราะห์ความสามารถของตัวเองแต่แรก
แล้วเลือกซื้อทรัพย์ที่เกินความสามารถ
จะเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกผิดตั้งแต่ต้น‼️
นั่นคือ กู้ไม่ผ่านแน่นอน🔍🔍🔍
และเงินมัดจำรวมถึงที่บางคนปรับปรุงทรัพย์ไปแล้ว
อาจจะหลักหมื่น-แสน ก็จะสูญเปล่าไปในพริบตา
.
ดังนั้นขั้นตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเมื่อต้องการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์คือ
1 เช็คความสามารถในการกู้ว่าเราได้วงเงินกี่ล้าน❓
ถ้าวงเงิน 2 ล้าน ก็ต้องหาทรัพย์ที่ราคาขายไม่เกิน2ล้าน
(ราคาประเมินเยอะกว่า2ล้านได้เลยคะ ยิ่งเยอะยิ่งดี)
2 หาทรัพย์ที่ต้องการ
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์เอกสารและความสามารถ
โดยธนาคาร ขั้นตอนนี้ใช้เวลา1-2สัปดาห์
ประกอบไปด้วย
🌟เช็คบูโรและความสามารถตามที่ลูกค้าทำสัญญาซื้อขาย
ถ้าความสามารถไม่เกินที่ยื่นกู้ ก็เป็นอันผ่าน(ยินดีด้วย)
🌟ธนาคารสั่งประเมินทรัพย์
ตรงนี้จะมีค่าใช้จ่าย2800-5000 บาท แล้วแต่ธนาคาร
อีกขั้นตอนที่หลายๆคนพลาด
เพราะถ้าราคาประเมินต่ำกว่าที่เราทำสัญญาเกิน50%
โอกาสที่จะผ่าน=0 เนื่องจากเราไม่มีเงินจ่ายส่วนต่าง
(และหลายๆคนก็มาตกม้าตายตรงนี้เยอะคะ)
แต่ถ้าราคาประเมินได้สูงกว่าราคาซื้อขายในสัญญา
ก็เตรียมตัวไปที่ขั้นตอนที่ 4 กันเลย🎉🎉🎉
ขั้นตอนสุดท้าย ที่4
ขั้นตอนที่หลายๆคนรอคอยมาถึงแล้ว
🌟ธนาคารจะนัดมาทำสัญญาเงินกู้ที่ธนาคาร
และนัดวันโอนกรรมสิทธิ์
🌟การโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน
คุณต้องนัดคนขายให้เตรียมเอกสารเพื่อการโอนดังนี้
1 บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านตัวจริง
2 ถ้ามีคู่สมรสต้องพาคู่สมรสมาด้วย
(หรือใช้เอกสารยินยอมคู่สมรส แนบสำเนาบัตรประจำตัว
ประชาชน ทะเบียนบ้าน และสำเนาทะเบียนสมรสมาด้วย
กรณีคู่สมรสไม่ได้มาโอนด้วย)
3 โฉนดตัวจริง
สำหรับค่าโอนก็แล้วแต่ตกลงว่า
ใครจะชำระในสัดส่วนแบบไหน
รวบรวม บ้าน คอนโด ที่ดิน โรงงาน สำหรับ เช่า ซื้อ ขาย ทั่วเขตกรุงเทพ
สนใจ ฝากขาย ฝากเช่า ทำการตลาด ฟรี ด้วยทีมงานมืออาชีพ
ติดต่อ ทีมงานได้ทุกช่องทางนะคะ
Tell :: 0946264465 (คุณ ปิ๊ก) ,
LineID :: @cvterra (มี @ นำหน้าไอดีด้วยจร้า)